ชิงถล่มก่อน! รัสเซีย รัวยิงขีปนาวุธ รอบใหม่โจมตียูเครน หลังตะวันตกรับปาก มอบรถถังหนักให้เคียฟ
พลเรือนยูเครน ต้องรุดหาที่กำบัง ในวันพฤหัสบดี (26ม.ค.) หลังรัสเซีย รัวยิงขีปนาวุธ แล้วก็ ส่งโดรนจู่โจมทั่วราชอาณาจักรรอบใหม่ สังหารอย่างน้อย 11 ราย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ หนึ่งวัน หลังจากเคียฟได้รับคำมั่นสัญญาจากตะวันตก ว่าจะมอบรถถังรบ สำหรับต่อสู้สกัดการรุกรานของมอสโก
คำแถลงของเยอรมนี และ สหรัฐฯ ที่กล่าวว่า จะส่งรถถังหลายสิบคัน ให้ยูเครน ได้โหมกระพือความเดือดแค้นจาก รัสเซีย ซึ่งที่ผ่าน ๆ มามักโต้กลับแนวโน้มความสำเร็จต่าง ๆ นานา ของยูเครน ด้วยการระดมโจมตีทางอากาศ ที่ทำให้ผู้คนหลายล้านคน ต้องอยู่ โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ เช่นเดียวกับเครื่องทำความร้อน รวมทั้ง น้ำ
เครมลินระบุ พวกเขามองคำมั่นสัญญาของตะวันตก เกี่ยวกับการมอบรถถังแก่เคียฟ เป็นหลักฐานที่ชัดแจ้งเพิ่มขึ้น ว่า สหรัฐฯ รวมทั้ง ยุโรป กำลังเข้าพัวพันโดยตรง ในสงครามที่ยืดเยื้อมานาน 11 เดือน คำกล่าวหาที่ทางอเมริกา และก็ ยุโรปปฏิเสธ
ยูเครนเปิดเผยว่า พวกเขาจัดแจงสอยโดรนที่รัสเซียส่งมา ได้หมดทั้ง 24 ลำ เมื่อคืนนี้ที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึง 15 ลำรอบเมืองหลวง แล้วก็จรวดนำวิถีรัสเซีย 47 ลูก จากทั้งหมด 55 ลูก ซึ่งเล็กน้อยเป็นการยิงออกมาจากเรือบินทิ้งระเบิด ทางยุทธศาสตร์ Tu – 95 ในแถบอาร์กติก ของรัสเซีย
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุในคำประกาศ ที่เผยแพร่ทางเทเลแกรม ว่า “เป็นอีกครั้ง ที่ความพยายามของประเทศก่อการร้าย ที่ข่มขู่เราด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีขนานใหญ่ ต้องประสบความพ่ายแพ้ ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งรัสเซียจะประสบความพ่ายแพ้เร็ว ๆ นี้”
โฆษกหน่วยเร่งด่วนกล่าวมาว่า มีคนตาย 11 ราย แล้วก็ บาดเจ็บ 11 คน ในเหตุโดรน แล้วก็ รัวยิงขีปนาวุธ จู่โจม
ซึ่งครอบลุม 11 ประเทศ ยิ่งไปกว่านี้แล้ว มันยังก่อความเสียหายแก่อาคารต่าง ๆ 35 แห่ง
เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศ ดังระงมทั่วยูเครน ในระยะเวลาที่ผู้คน กำลังมุ่งหน้าไปปฏิบัติงาน ส่วนในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศ ฝูงคนจำต้องหลบเข้าที่กำบัง ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นระยะเวลาหนึ่ง
เดนีส ชมีฮาล นายกรัฐมนตรียูเครน เปิดเผยว่า สถานีกระแสไฟฟ้าย่อยหลายแห่ง ถูกจู่โจม ด้วยที่รัสเซีย ยังคงเดินหน้าเล็งจุดมุ่งหมายถล่มสถานที่ตั้งทางพลังงาน
DTEK บริษัทเอกชนผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ที่สุด ของยูเครน กล่าวว่า ทางบริษัทได้จัดการปิดปฏิบัติการเร่งด่วนล่วงหน้า ก่อนถูกจู่โจมในกรุงเคียฟ เช่นเดียวกับพื้นที่โดยรอบ และ ในแคว้นโอเดซา กับแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์
โอเดซา เมืองท่าริมทะเลดำ ซึ่งทางยูเนสโก กำหนดให้เป็นแหล่งมรดกโลก ที่กำลังตกอยู่ในภาวะอันตราย ในวันพุธ (25ม.ค.) ขีปนาวุธของรัสเซีย ก่อความเสียหายแก่ที่ตั้งทางพลังงาน ไม่นานก่อนที่ แคทเธอรีน โคลอนนา รัฐมนตรีต่างประเทศประเทศฝรั่งเศส เดินทางมาเยี่ยม
“สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ การโจมตีระลอกใหม่ ใส่โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนของยูเครน ไม่ใช่การทำสงคราม แต่มันเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม” เธอกล่าว ทั้งนี้ โคลอนนา มีกำหนด พบปะกับ ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เพื่อปรึกษาขอคำแนะนำเกี่ยวกับความให้การช่วยเหลือ ทางด้านการทหาร
รวมทั้ง มนุษยธรรม และ ความน่าจะเป็นที่ประเทศฝรั่งเศส จะเข้าร่วมกับพันธมิตรนาโต้ ในการหารถถังประจัญบานแก่ยูเครน ซึ่งในกรณีนี้ก็คือรถถังเลคเลิร์ค
ที่ผ่านมา ทั้งมอสโก และเคียฟ ต่างพึ่งพาอาศัย รถถัง T – 72 ในยุคสหภาพโซเวียต แล้วก็คาดหมายว่า จะมีการเปิดตัวจู่โจมทางภาคพื้นรอบใหม่ ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้
ยูเครน ขอร้องรถถังสมัยใหม่ หลายร้อยคัน ในความหวังว่า จะใช้พวกมันทำลายแนวคุ้มครองของรัสเซีย เพื่อทวงคืนดินแดนที่ถูกครอบครอง ทางภาคใต้ และ ภาคตะวันออกของประเทศ “กุญแจสำคัญในตอนนี้ก็คือ ความรวดเร็ว และปริมาณ ในการมอบรถถังสนับสนุน” เซเลนสกี กล่าวในวิดีโอ เมื่อวันพุธ (25ม.ค.)
สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับ การประจำการรถถัง เอ็ม 1 เอบรามส์ ที่ยากต่อการบำรุงรักษา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็สัญญาจะมอบให้ ยูเครน 31 คัน เพื่อชักพาให้ เยอรมนี สัญญาว่า จะมอบรถถัง ลีโอพาร์ด ที่ผลิตโดยเยอรมนี และ ใช้งานง่ายกว่า แก่เคียฟเช่นกัน
เบื้องต้น เยอรมนี จะมอบรถถัง 14 คัน ให้เคียฟ และ อนุญาตให้พันธมิตรยุโรป อื่น ๆ ส่งต่ออีกทอด พร้อมระบุรถถังลีโอพาร์ด น่าจะเข้าสู่ปฏิบัติการได้ในอีก 3 ถึง 4 เดือน ข้างหน้า ส่วน สหราชอาณาจักร ระบุในวันพฤหัสบดี (26มกราคม) คาดหมายว่า รถถังชาเลนเจอร์ 14 คัน คงจะจัดส่งถึงมือ ยูเครน ภายใน 2 เดือน
นอกเหนือจากนี้แล้ว แคนาดา เปิดเผยในเวลาถัดมา ว่าจะส่งรถถังลีโอพาร์ด 2 จำนวน 4 คันให้แก่ ยูเครน รวมถึงกำลังพลของกองทัพ ที่จะช่วยฝึกฝนทหารยูเครน สำหรับใช้งาน ยุทโธปกรณ์ดังกล่าว
ศูนย์ข่าวด้านการทูต 2 คน เผยออกมาว่า ประเทศฝรั่งเศส รวมทั้ง อิตาลี ก็กำลังได้บทสรุป เนื้อหาทางเทคนิค สำหรับเพื่อการหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ SAMP / T แก่ยูเครน แต่ยังไม่เป็นที่แจ้งชัดว่า การตัดสินใจขั้นท้ายสุด จะเกิดขึ้นเร็วเพียงใด
(ที่มา:รอยเตอร์)